ขอบคุณ รีวิว สถานปฏิบัติธรรรมโพธิปักขิยธรรมสถาน จาก เว็บพันทิพย์
[CR] รีวิว สถานปฏิบัติธรรมที่เหมาะกับผู้หญิง โพธิปักขิยธรรมสถาน สระบุรี
https://pantip.com/topic/36675655 จาก
ช่วงเข้าพรรษาเพิ่งกลับมาจากที่นี่ค่ะ โพธิปักขิยธรรมสถาน ที่สระบุรี ที่จริงก็เคยไปมาหลายครั้งแล้ว แต่เพิ่งมาเป็นสมาชิกพันทิพย์ เลยอยากหัดรีวิวนะคะ อันนี้ รีวิวอันแรกเลยค่ะ
ตอนแรกๆๆเราหาข้อมูลก่อนไปปฏิบัติธรรมอยู่สักระยะนึงก่อนไปที่นี้ ด้วยเงื่อนไข คือ
1. ต้องปลอดภัยเหมาะกับผู้หญิงไปเองคนเดียว (ขับรถได้ หรือไปรถประจำทางได้ ไม่เปลี่ยว เพื่อให้แม่ไม่ต้องกังวลกับการที่เราจะไปเอง และไม่เป็นภาระให้ใครต้องไปส่งให้เดือดร้อน)
2. ต้องมี ครูบาอาจารย์ ดูแลการปฏิบัติได้ สอบอารมณ์เราได้ (ที่ต้องมีอันนี้เพราะเมื่อหลายปีก่อน ได้ไปปฏิบัติธรรมถือศีล 8 ที่วัดแห่งหนึ่ง มีนั่งสมาธิ เขาเปิดให้เรียนจากเทป แต่ไม่ได้มีความเข้าใจอะไรเลย นั่งไปหลับไป ไม่รู้จะไปถามใคร เลยรู้สึกไม่ได้ประโยชน์อย่างเต็มที่)
3. มีสิ่งอำนวยความสะดวก คือ ห้องน้ำ ที่เพียงพอ และสะอาด (คือ จะว่ากระแดะ หรืออะไร ก็ยอมนะคะ แต่เรามองว่า ไม่อยากไปเบียดแก่งแย่ง จนเป็นกังวล เคยอ่านเจอว่า บางที่ต้องต่อแถวเข้าห้องน้ำ อาบน้ำ ตั้งแต่ดึกดื่น แม้เราจะไปฝึกละกิเลส แต่ตอนนี้เรายังละไม่ได้ในจุดนี้ค่ะ 5555 ใครชอบแบบอื่นๆหรือไม่ติดเงื่อนไขข้อนี้ ก็อนุโมทนานะคะ)
ีที่ว่าเหมาะกับผู้หญิง ก็ผู้หญิงในแบบเรา 3 ข้อ ข้างต้นนะคะ ใครชอบแบบอื่นๆก็ได้นะคะ
และจริงๆผู้ชายก็ไปได้นะคะ เขาแยกที่พัก คนละส่วนกัน แต่เราสังเกตว่า ผู้หญิงจะมีจำนวนมากกว่าผู้ชายทุกครั้งที่เราไปเลยค่ะ
เพราะทั้งสามเงื่อนไข โพธิปัก ตอบเราได้หมดค่ะ
1. อยู่ที่สระบุรี ทับกวาง ไปง่ายมากๆ ขับรถไปตามมอเตอร์เวย์ออกอยุธยา ขับชิดขวา ตรงตามถนนอย่างเดียว ตามป้ายโคราช ไปอีกระยะ ผ่านหินกอง ผ่านแก่งคอย จนเห็นป้ายช้างแดง ก็เตียมยูเทิร์น มาเข้าซอยเทศบาล 4 แล้วก็เจอแล้วค่ะ ใช้เวลาขับแค่ ชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้นเอง ง่ายกว่านั้น คือ เปิด GPS มันพาไปถึงหน้าสำนักงานเลยค่ะ
2. ที่นี่มีพระอาจารย์คอยสอบอารมณ์ วันแรกท่านสอนเฉยๆ วันต่อมาๆจะให้มาสอบอารมณ์ ทุกคนได้พูดได้ถาม เป็นรายคนเลย อันนี้ แบบ คือ ดีมาก ค่ะ ที่เราติด เราสงสัย เราได้ถามท่านตรงๆ แล้วก็มีวิทยากรเป็นคนธรรมดาคอยดูแลตลอดเวลาค่ะ ปกติจะมีคนมาปฏิบัติครั้งละประมาณ 20 กว่าคน ก็ถือว่า ใกล้ชิดมากเลยค่ะ
3. ที่นี่ มีห้องน้ำในห้องพักเลย ถ้าได้พักห้องคนเดียว ก็มีห้องน้ำส่วนตัวเเลย อีกครั้งเราพาแม่ไปด้วย เขาก็จัดให้นอนรวมกับแม่ ก็ไม่มีปัญหา สบายๆมากค่ะ
รู้จักที่นี่ได้ยังงัย ก็คือ รุ่นพี่เราไปมาค่ะ เขาโพสต์ในเฟสบุ๊คเขา เราก็เลยถามแล้วก็เลยทดลองไปค่ะ
มันดึกแล้ว อยากนอนแล้ว เดี่ยวค่อยมาเขียนต่อนะคะ ไม่รู้จะมีคนสนใจอ่านต่อมั้ย จะมีใครมีเงื่อนไขแบบเราหรือเปล่า แต่อยากเขียนต่อนะคะ เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคร้า
การสมัคร + เตรียมตัวไป นะคะ
ง่ายมาก ก็แค่โทรไปบอกชื่อ แล้วก็บอกว้นว่าจะไปวันไหน เข้าคอร์สไหน โทรไปแจ้งล่วงหน้า 7 วัน แต่เราเคยแจ้งล่วงหน้าแค่ 3 วัน เขาก็รับนะคะ
ดูวันที่มีคอร์สตามลิงค์นี้เลยค่ะ http://www.photipak.com/index.php/2017-09-26-07-54-47/2017-10-04-04-04-31
ไม่อยากโทรไป ก็สมัครผ่าน inbox ในเพจ ของโพธิปักก็ได้ พิมพ์บอกไป เขาก็ตอบมาค่ะ แค่นั้นเองค่ะ
จากนั้นก็จัดกระเป๋าค่ะ เอาแค่ชุดขาว กะพวกสบู่ยาสีฟันแป้ง ของใช้ส่วนตัว แค่นี้ก็พอ หมอนผ้าห่มไม่ต้อง เขามีให้ยืมทั้งหมดค่ะ เท่าที่ไปมา ก็สะอาด ใหม่ หอมดี ไม่น่ารังเกียจเลยค่ะ ที่ต้องเอาไปด้วย สำหรับคนขี้หนาวอย่างเรา คือ ผ้าคลุมไหล่ค่ะ ที่จริงสีอะไรก็ได้ เขาไม่ว่า แต่เราชอบสีขาว มีหลายผืนแล้ว รู้สึกว่า มันขาวดี เข้ากับชุด อากาศกลางคืนค่อนข้างเย็น แล้วก็ตอนเย็นทำวัตรเขาเปิดแอร์ จะค่อนข้างเย็นสำหรับเราค่ะ
ชุดขาว -- ที่นี่แต่งกายด้วยชุดขาว เสื้อยืดขาว กางเกงยืดขายาวสีขาวก็ได้ ถ้าไม่มีชุดขาวปฏิบัติธรรม หรือถ้าหาชุดขาวไม่ได้ ก็ไปขอยืมที่โพธิปักก็ได้ค่ะ เคยจัดเสื้อผ้าไปผิด เสื้อไม่พอ ไปขอยืมเขามาใส่ ครั้งนึงคะ ยืมฟรี ไม่เสียเงินค่ายืมค่ะ แต่เอาของเราไปก็สบายใจกว่า บางคนก็ใส่ชุดขาวผ้าถุง แล้วก็เห็นบางคนใส่กางเกงดำ หรือน้ำตาลเข้ม อาจเพิ่มความมั่นใจ สำหรับวันอย่างว่าก็ได้มั้งคะ
ที่เหลือก็เคลียร์งานค่ะ เหมือนมารมาพิสูจน์ ทุกครั้งที่จะไป งานจะไหลรี่ๆๆๆๆ เข้ามาหายิ่งกว่าสายฝน เราต้องอดทน และรักษาสัจจะ ไปแล้วต้องไปให้ได้
พอถึงวัน ก็ขับรถไปนะคะ ไปจอดรถ มีที่จอดร่มเงาเป็นอย่างดี มีหลังคาค่ะ ถ้าไปรถตู้ก็ลงปากซอย นั่งมอไซด์เข้าไป ขอเบอร์ไว้ขากลับจะได้โทรให้มารับออกไปก็ได้นะคะ หรือบางทีก็ติดรถคนอื่นๆกลับออกมาถึงกรุงเทพได้เลยค่ะ ทุกคนใจดีมาก
ไปถึงให้ประมาณสัก 11.00 น. แค่เราลงจากรถ ก็จะมีเจ้าหน้าที่เดินมาช่วยยกของ เราไปกระเป๋าไปเดียว ยกเอง สบายๆ แต่เขาก็เข้ามาดูแล นะคะ
ก็พาเราไปติดต่อที่สำนักงาน เจ้าหน้าที่ชื่อคุณไพ ตัวกลมๆ แต่น่ารักมากค่ะ ไปครั้งแรกเอาบัตรประชาชนไปด้วยค่ะ กรอบใบสมัคร เขาจะถามว่าเคยปฏิบัติที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า ก็ตอบไปค่ะ จากนั้นเขาก็จะบอกห้อง แจกปลอกหมอน ผ้าห่ม
จากนั้นเจ้าหน้าที่จะพาไปห้องพัก ก็ไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดขาว แล้วก็มากินข้าว เขาเตรียมไว้ให้ แล้วประมาณเที่ยงครึ่ง ก็ขึ้นไปบนศาลาใหญ่ ไปทำพิธีปฐมนิเทศ มีวิทยากร ชื่อ อาจารย์พรทิพย์มาแนะนำ ก่อนที่พระวิปสสนาจารย์จะมาขึ้นกรรมฐานให้ เดี่ยวค่อยเล่าเรื่องขึ้นกรรมฐานดีกว่า ไปห้องก่อน
ห้องพักก็จะเป็นเหมือนรีสอร์ท 555 หรูอลังมาก ตามภาพ ไม่มีแอร์นะคะ มีเตียงเหล็กขนาด 3 ฟุต 1 เตียง มีที่นอนยางพาราแบนๆ มีห้องน้ำในตัว มีระเบียงตากผ้าด้านหลังด้วยนะคะ คือ มันแบบ เยี่ยมมาก ในใจเรา แต่มุ้งลวดแอบมีรู มีจิ้งจก มีมดบ้างตามประสา ความสะอาด ก็รับได้ค่ะ นอนได้เลย ไม่ต้องถูซ้ำ ไปครั้งแรก เราได้นอนคนเดียวเลย ยึดครองทั้งหลัง แต่บางช่วงถ้าไปคนเยอะ เขาอาจจะจัดให้นอนห้อง เรียกว่า กุฏินะคะ กุฏิละ 2 -3 คน ห้องน้ำ มีไฟฟ้า มีพัดลมให้ อันนี้ก่อนกลับเราต้องทำความสะอาดคืนเขานะคะ เขาจะมีพวกอุปกรณ์กวาดถูไว้ให้เราทำตามกำลังค่ะ
ที่พักก็อยู่ใกล้ๆกับศาลาใหญ่ที่จะไปขึ้นกรรมฐาน ลืมของแวบมาหยิบได้ค่ะ
เมื่อถึงเวลา ก็จะมี วิทยากร บนศาลาใหญ่นะคะ ในภาพคือ อาจารย์พรทิพย์ มาแนะนำสถานที่การปฏิบัติ ถามว่าใครติดปัญหาอะไรมั้ย ที่นี่จะรักษา ศีล 8 และ กินแค่อาหารเช้าและเที่ยง ส่วน 17.00 น.มีน่ำปานะ นม กาแฟ โอวัลตินไว้บริการ ส่วนใครมีปัญหาโรคประจำตัว จะกินอาหารเย็น หรือจะกินมังสวิรัติ ก็แจ้งตอนนี้เลยค่ะ เขาจะเตรียมเป็นกรณีๆค่ะ ส่วนมากเป็นคนแก่ หรือคนป่วยที่ไม่สามารถรักษาศีล 8 ได้ค่ะ
พอได้เวลา พระวิปัสสนาจารย์ ก็จะมาให้ศีล ขึ้นกรรมฐาน แล้วก็สอนการปฏิบัติที่นี่ใช้ แนวมหาสติปัฐฐาน 4 พอง-ยุบ มีพระวิปัสสนาจารย์ประจำ 2 รูป คือ หลวงพ่อพระครูภาวนาวิหารธรรรม วิ. ซึ่งเป็นเจ้าอาาวาสวัดสุขสำราญ ที่บุรีรัมย์ (พระที่ห่มจีวรสีน้ำตาลอ่อนส้มๆ รูปข้างบนโน้น) และ พระอาจารย์มหาบุญทัน รตนปญฺโญ (พระที่ใส่ชุดสีเข้มๆ ในภาพด้านล่างนี้)
ถ้าเรามีของถวาย ก็ไปถวายได้ เป็นสังฆทานค่ะ ของก็ทั่วไป ที่คิดว่าจำเป้นใช้ เช่น ทิชชู น้ำดื่ม เส้นหมี่ อะไรก็ได้ที่อยากถวาย บางคนก็ไม่เอามาถวายค่ะ ก็อนุโมทนาบุญท่านอื่นๆไป
จากนั้นก็พอท่านสอนเสร็จก็ไป เราก็อยู่กับวิทยากร วิทยากรก็มาอธิบาย และให้เราลองซ้อมเดินจงกรม 30 นาที แล้วก็นั่งสมาธิ 30 นาที สลับไปๆๆ จนได้เวลาพัก ก็ไปดื่มน้ำปานะ ตอน 17.00 น. จากนั้นก็กลับมาสวดมนต์ทำวัตรเย็น ฟังพระอาจารย์แสดงธรรรม ส่วนมากจะเป็นพระอาจาร์ยมหาบุญทันมาแสดงธรรมนะคะ ครั้งหลังสุดที่ไป หลวงพ่อพระครูไม่ได้มาเลยค่ะ แต่พระอาจารย์มหาบุญทัน แสดงธรรมขำมากกก ตั้งสติไม่ได้ ต้องฮา น้ำตาไหลแน่ แต่ธรรมมะท่านเป็นธรรมปฏิบัตินะคะ ที่เราปฏิบัติแล้วสงสัย เหมือนท่านได้ยินเราถามเลยค่ะ จน 19.00 น. ก็นั่งสมาธิ เดินจงกรมต่อ จน 21.00 น. แล้ววิทยากรก็จะปล่อยให้ไปพักผ่อน เข้าที่พัก
วันรุ่งขึ้น
เช้าตีสี่ ระฆังจะตีดัง
ตีสี่ครึ่งมาพร้อมกันที่ศาลาใหญ่อีก เพื่อทำวัตรเช้า แล้วก็เดินนั่ง แล้วก็ไปสอบอารมณ์ตามที่เขาจัดคิวให้ ส่วนใครสอบเสร็จแล้วก็กลับมาปฏิบัติต่อ
จน 11.00 น.ก็กินข้าวเที่ยง จากนั้นก็กลับมาเดินนั่งต่อ จน 17.00 ก็ปานะ 17.30 ก็ทำวัตรเย็น 21.00 น.เข้านอน แบบนี้ไปจนทุกวันค่ะ
ในวันที่สอง ที่สาม และทุกวันของคอร์ส (ยกเว้นวันแรก และวันสุดท้าย) วิทยากรจะจัดตารางให้เราไป ส่งอารมณ์ กับพระวิปัสสนาจารย์ และพระวิปัสสนาจารย์ก็จะ สอบอารมณ์ เราค่ะ
ส่งอารมณ์ ก็คือ การไปเล่าให้ฟังว่า ได้เดิน-นั่ง แล้ว เป็นอย่างไรบ้าง มีสภาวะอย่างไร ติดปัญหาหรือไม่ หรือถ้าทำได้ดีแล้ว ควรจะปรับวิธีในการปฏิบัติเป็นอย่างไร ให้เดินก้าวหน้าต่อไปได้
ที่โพธิปัก ที่เราชอบมากๆๆๆคือ โยคีทุกคนได้ถาม ได้ส่งอามณ์นี่ละค่ะ มันทำให้มั่นใจ ว่า เรากำลังทำถูกต้อง หรือถ้าผิดก็มีแนวทางแก้ไข
โรงอาหารค่ะ
อาหารที่นี่เป็นบุปเฟต์ ทานเท่าไรก็ได้ ไม่อั้น เดินไปตักเอกใส่ถาดหลุม แล้วพอทานเสร็จก็นำถาดไปล้าง คว่ำคืนเท่านั้นค่ะ
อาหาร มี 2 แบบ คือ เป็นอาหารที่พระบิณฑบาตรได้ และอาหารที่แม่ครัวทำให้ใหม่ๆเลย ซึ่งอร่อยทั้งสองอย่าง 555
ใครไม่กินเนื้อสัตว์ ถ้าแจ้ง แม่ครัวจะทำอาหารมังสวิรัติให้ด้วยนะคะ
อาหารทานวันละ 2 มื้อ เท่านั้นนะคะ
ใครติดกาแฟ ก็มีกาแฟ ชงได้ โอวัลติน ชา น้ำขิง ก็มี แต่ก็แล้วแต่ว่ามีญาติโยมนำ ยี่ห้ออะไรมาถวายพระ มาให้กินนะคะ
พวกน้ำดื่ม นี่ดื่มได้ 3 มื่อเลย เช้า กลางวัน เย็น
ค่าใช้จ่ายค่ะ
ไม่เก็บค่ะ ไม่เก็บ ไม่เรียกร้องอะไรค่ะ
แต่ว่า ถ้าเราไปพักก็แนะนำให้ ทำบุญไปนะคะ ที่สำนักงานที่เราไปติดต่อตอนแรกค่ะ อย่าได้เป็นหนี้สงฆ์ หรือหนี้อะไรใครค่ะ มีน้อยให้น้อย มีมากให้มาก อยู่คอร์สนึง 4 วัน กินวันละ 2 มื้อ ที่พักด้วย เราไปเที่ยวจ่ายครั้งละเท่าไร เรายังจ่ายได้ อันนี้ สำหรับชาติหน้า อย่าไปติดหนี้เลย ตามที่เราคิดนะคะ
แต่ก็เห็น คนที่มาบางคนก็ทำบุญไป 500 บ้าง 1000 บ้าง นะคะ แต่ก็มีแบบเป็นเจ้าภาพถวายอาหารเพลพระภิกษุสงฆ์ 3000 บาท อันนี้ ได้เข้าไปถวายเพลด้วยนะคะ